"สิว" เป็นปัญหาใหญ่สำหรับใครหลายๆคน โดยสามารถเกิดได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จากการศึกษาพบว่าสิวเป็นโรคที่พบมากประมาณ 60-70% ของกลุ่มโรคผิวหนังเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ประมาณ 20% ในกลุ่มนี้จะมีอาการรุนแรง ซึ่งหากไม่เข้ารับการรักษาอย่างถูกวิธีแต่เนิ่นๆ อาจจะทำให้เกิดการบานปลาย ส่งผลให้ใบหน้ามีหลุม มีรอย ผิวไม่ใสเรียบเนียน และยากต่อการฟื้นฟูรักษาในอนาคต
สิวคืออะไร? อาการเป็นยังไงบ้าง?
ก่อนอื่นต้องบอกว่า อาการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนไม่มีการอักเสบ โดยมีลักษณะเป็นสิวอุดตันหัวขาว (สิวอุดตันหัวปิด) สิวอุดตันหัวดำ (สิวอุดตันหัวเปิด) เป็นต้น ในขณะที่บางคนมักมีการอักเสบร่วมด้วย โดยมีลักษณะบวมเป็นตุ่มแดง มีหนอง ซึ่งสิวลักษณะนี้อาจมีการทำลายผิวข้างในจนเป็นโพรง และก่อให้เกิดหลุมสิวถาวรได้
รูปที่ 1. สิวอุดตันเริ่มแรก
รูปที่ 2. สิวอุดตันที่ปากรูขุมขน
รูปที่ 3. สิวอักเสบเป็นตุ่มแดง
รูปที่ 4. สิวอักเสบมาก (สิวหัวช้าง)
สิวเกิดจากอะไร? ทำไมถึงชอบขึ้นจัง?
ส่วนมากตำแหน่งที่เป็นสิว ได้แก่ ตำแหน่งที่มีต่อมไขมันอยู่หนาแน่น เช่น ใบหน้า ส่วนบนของหน้าอก และหลัง โดยถ้าให้พูดถึงสาเหตุของการเกิดสิวนั้น เกิดจากหลายสาเหตุขึ้นกับปัญหาของแต่ละบุคคล ตัวอย่างสาเหตุของการเกิดสิว ได้แก่
การเปลี่ยนแปลงของฮฮร์โมน ซึ่งมีส่วนฤทธิ์กระตุ้นการแบ่งตัวมากผิดปกติของเซลล์ต่อมไขมัน
การติดเชื้อแบคทีเรีย หรือจากเครื่องสำอางที่ใช้ไม่เหมาะกับสภาพผิว
การอุดตันของรูขุมขน เช่น การทำความสะอาดเครื่องสำอางไม่เพียงพอ
การรับประทานอาหารบางประเภท เช่น อาหารหวาน อาหารที่มีแป้งเยอะ ก็มีโอกาสทำให้เกิดสิวได้
การใช้ยาบางชนิดก็ทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้นได้ เช่น ยาคุมกำเนิด ยาสเตียรอยด์
กรรมพันธุ์
ถ้าไม่รีบรักษาสิว จะส่งผลอะไรบ้าง?
แน่นอนว่าการไม่รักษาสิวอย่างถูกวิธีแต่เนิ่นๆ นั้น อาจจะทำให้บานปลายได้ สุดท้ายนอกจากสิวเต็มหน้า รอยแดง รอยดำ และหลุมสิวที่ยากต่อการรักษาแล้ว ในบางคนการเป็นสิวยังส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจด้วย เพราะพอเราเห็นสิว เราจะรู้สึกรำคาญ ไม่สบายใจ รู้สึกตัวเองไม่สวย ไม่หล่อ ไม่อยากเจอผู้คน รู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่าง และพอเราอยากให้มันหายไป สุดท้ายก็จะวนเข้าไปในลูปของการแคะ แกะ บีบ ในที่สุด
อย่างไรก็ตามระดับความเครียดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนเป็นสิวเม็ดเดียวแต่ความเครียดมากมายมหาศาล ขณะที่บางคนเป็นสิวกระจายทั่วหน้าแต่ก็ไม่รู้สึกอะไร ดังนั้นการรักษาสิวนอกจากสภาพผิวแล้ว แพทย์จึงต้องทำความเข้าใจสภาพจิตใจของผู้ป่วยร่วมด้วย
รักษาอย่างไรให้สิวหายกลับมาหน้าใส
สำหรับแนวทางการรักษานั้น แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยและพิจารณาตามความรุนแรง ปริมาณ และชนิดของสิว โดยหากเป็นเม็ดเดียว แต่เครียดเกินร้อย ก็ยังจัดว่าเป็นระดับเบา ส่วนความเครียดก็ต้องให้คนไข้เข้าใจว่ามีทางรักษา ต้องใช้เวลา และหาวิธีผ่อนคลายความเครียด หากิจกรรมอื่นทำ นอกจากการนั่งส่องกระจกทั้งวัน เพราะหากคนไข้ยังคงมีความเครียด อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดๆ และทำให้สิวกำเริบรุนแรงได้จากการดูแลผิวที่ผิดวิธี เช่น การบีบเค้น ซึ่งส่งผลให้เกิดรอยดำจากสิวตามมา
การรักษาสิวนั้น แพทย์จะทำการรักษาตามสาเหตุและระดับความรุนแรงของคนไข้แต่ละคน โดยสามารถอธิบายคร่าวๆ ได้ดังนี้
การทายาในกลุ่ม Benzoyl peroxide ช่วยลดภาวะเชื้อแบคทีเรียดื้อยา และต้านเชื้อแบคทีเรียได้
การทายาในกลุ่ม Retinoids ช่วยละลายต่อมไขมัน (comedolytic) และลดการอักเสบ (anti-inflammation)
การทายาในกลุ่ม Antibiotic จะช่วยลดการติดเชื้อแบคทีเรีย
การรับประทานยา ในกลุ่ม ฮอร์โมน และ ในกลุ่มวิตามิน เอ เข้มข้น จะช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน
การทำสะกิดตัวยาด้วยวิธีการเมโส เพื่อรักษาสิว
ทั้งนี้เพื่อการการรักษาที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นยากิน ยาทา หรือเมโสเทอราปี ควรอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ คนไข้ไม่ควรหาซื้อเอง เนื่องจากยาบางประเภทมีฤทธิ์รุนแรง และหากใช้โดยเกินความจำ อาจมีผลต่อสุขภาพได้
(ในบางกรณีที่อาจต้องใช้ยาบางตัวนานๆ) แพทย์อาจจะต้องขอให้คนไข้ทำการตรวจสุขภาพบางรายการ เช่น การตรวจครรภ์ การตรวจการทำงานของตับ เป็นต้น เพื่อให้มั่นใจว่าคนไข้จะได้รับการดูแล รักษา อย่างถูกต้องและดีที่สุด
สุดท้ายสิ่งที่อยากบอกกับคนคนไข้คือ....
การให้ควมรู้ ทำความเข้าใจ ให้กำลังใจ เป็นสิ่งสำคัญมาก
การอธิบายอย่างจริงใจว่า แม้สิวจะเป็นโรคเรื้อรัง แต่ถ้ารักษาอย่างต่อเนื่องผลลัพธ์จะค่อยๆ ดีขึ้นในช่วง 4-5 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หลังหายแล้ว สิวก็อาจจะขึ้นใหม่ได้ ดังนั้นเพื่อเลี่ยงปัจจัยต่างๆ ที่อาจจะทำให้เกิดสิวในอนาคต ความรู้ ความเข้าใจ ต่อปัจจัยการเกิดสิวเป็นสิ่งสำคัญมาก
การแนะนำวิธีการดูแลผิวที่ถูกวิธี เช่น อย่าแกะสิวเอง อย่าขัดถูใบหน้าแรง อย่าสร้างความระคายเคืองต่อใบหน้า เป็นต้น
การแนะนำเรื่องผลข้างเคียงจากทั้งยากินและยาทา โดยอาจมีระคายเคืองบ้าง รวมถึงแนะนำแนวทางการปฎิบัติตัวระหว่างรักษาสิวอย่างเหมาะสม เช่น ความดูแลให้ผิวสะอาด ชุ่มชื้น การทาครีมกันแดดเป็นประจำ หรือการเลี่ยงแสงแดด เป็นต้น
สำหรับใครที่มีปัญหาสิว และต้องการรักษาสิวให้หายอย่างยั่งยืน สามารถทักมาที่ Line: @krittayaclinic (มี @ ด้วยนะคะ) หรือเข้ามาปรึกษาแพทย์ที่ กฤตยะ คลินิก ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ
ตัวอย่างการรักษาสิว
อ้างอิง
http://emedicine.medscape.com/article/1069804-overview open on March 1, 55 Motley RJ, Finlay AY, Practical use of a disability index in the routine management of acne.
Clinical and Experimental Dermatology 1992; 17: 1-3 @ A Y Finlay, G K Khan April 1992 www.dermatology.org.uk Oakley A. Australian Journal of Dermatology 2007; volume 37 issue 1: 37-39
Department of dermatology, Cardiff University
Comments