สาเหตุของการเกิดสิว

​

      สิว เป็นโรคของต่อมขนที่พบได้บ่อยมาในวัยรุ่น สาเหตุเกิดจากภาวะที่รูรุขนเกิดการอุดตัน อักเสบจากแบคทีเรียในต่อมไขมัน หรือมีการติดเชื้อ มักพบในผู้ที่มีผิวมัน สำหรับสาเหตุอื่นๆ อาจเกิดจากระดับฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลง ต่อมไขมันผลิตไขมันมากขึ้น นอกจากนี้ยังอาจเกิดจาก ความเครียด ยาทา การรับประทานอาหาร และการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหรือเครื่องสำอางบางชนิดด้วย

​

ประเภทของสิว​​

​

         สิวสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ​

1. สิวอุดตัน เกิดจากการอุดตันของต่อมไขมัน มีความคล้ายสิวผด ไม่แดง กดแล้วไม่รู้สึกเจ็บ แต่ถ้ามีเชื้อแบคทีเรียเข้ามา ก็อาจจะพัฒนาเป็นสิวอักเสบได้ ซึ่งผลที่ตามมาหลังจากเป็นสิวอักเสบคือ รอยสิว และหลุม แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ สิวหัวขาวและสิวหัวดำ

2. สิวอักเสบ คือสิวอุดตัน ที่มีเชื้อแบคทีเรีย C. acnes เข้ามาเจริญเติบโตอยู่ในตุ่มสิวและสิ่งแปลกปลอม กระตุ้นให้เกิดการอักเสบขึ้นมา ก่อให้เกิดแผลเป็นได้ โดยสามารถแบ่งประเภทของสิวอักเสบได้ตามขนาดและความรุนแรง แบ่งออกเป็น 4 ชนิด สิวตุ่มแดง สิวตุ่มหนอง สิวหัวช้าง และสิวซีสต์

 

การรักษา​

​

         การรักษาสิวอาจจะต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์ โดยมีแนวทางการรักษาดังนี้

1. การใช้ยารักษาสิวต่างๆ เช่น ยาทา ยาสำหรับรับประทาน หรือยาฉีด

2. การเจาะหรือกดหัวสิว เพื่อกำจัดหนองและเคลียร์หัวสิวอุดตันออกมา

3. กรดผลไม้ผลัดเซลล์ผิว หรือการแต้มรอยด้วยกรด 

4. การใช้แสงหรือสารไวแสงรักษาสิว

5. เลเซอร์รักษาสิว

​

การป้องกัน​

​

         การควบคุมปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวเป็นเรื่องยาก แต่สิ่งที่สามารถทำได้คือการป้องกันไม่ให้สิวเกิดการลุกลามโดยการปฏิบัติตัว ดังนี้

​

1. ล้างหน้าอย่างเบามือ ไม่ขัดผิวหรือล้างหน้าบ่อยเกินไปเนื่องจากอาจทำให้สิวลุกลามหรืออักเสบมากกว่าเดิม

2. หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิว

3. ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งหรือคำแนะนำตามเอกสารกำกับยาเท่านั้น

4. ควบคุมอารมณ์อย่าให้เครียดมากเกินไป

5. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้หน้ามัน

6. หลีกเลี่ยงแดดจัด เนื่องจากยาบางชนิดอาจทำให้ผิวหนังไวต่อแสง หากใช้ยาประเภทนี้ควรทาผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดเป็นประจำทุกวัน

​​

     ทั้งนี้หากเป็นสิวแล้วไม่หาย แนะนำให้รีบเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อลดความเสี่ยงในการอักเสบ จนบานปลายไปสู่การเกิดรอยและหลุมสิว ซึ่งจะแก้ไขยากและเสียค่าใช้จ่ายเยอะในภายหลัง