HaliosII Laser
HeliosII Laser คืออะไร
HeliosII Laser เป็นนวัตกรรมเลเซอร์จากประเทศเกาหลี Q-Switched Nd:YAG Laser เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 532 และ 1064 นาโนเมตร ใช้ในการรักษาความผิดปกติของเม็ดสี โดยเลเซอร์ชนิดนี้จะถูกดูดซับในเซลล์เม็ดเลือดสีเมลานินใต้ผิวหนังชั้นลึก จากนั้นเม็ดสีเหล่านั้นจะแตกออกแล้วค่อยๆถูกกำจัดออกจากผิว
HeIiosII Laser ถูกพัฒนาให้ส่งลำแสงผ่าน “Cell Lens” ทำให้ลำแสงเลเซอร์มีพลังงานเท่ากันทั่วทั้งพื้นที่หน้าตัดของลำแสง จึงไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานที่สูงมาก ช่วยให้ประสิทธิภาพของการรักษาเพิ่มขึ้น ทั้งยังลดการเกิดจุดเลือดออก (Pin Point Bleeding) และลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้เครื่อง HeliosII ยังมี “DOE Technology” ที่ทำให้ลำแสงเลเซอร์ที่ปล่อยออกมาอยู่ในรูปแบบของ “FractionalQ-Switched Nd:YAG Laser” โดยออกแบบมาเพื่อรักษาความผิดปกติของเม็ดสีเมลานินในผิวหนังชั้นลึก ลดผลข้างเคียงและลดระยะฟื้นฟูผิว
ใครเหมาะกับการรักษา
-
ผู้ที่ต้องการปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอยิ่งขึ้น
-
ผู้ที่ต้องการรักษาความผิดปกติของเม็ดสี เช่น กระ จุดด่างดำ
-
ผู้ที่ต้องการลบรอยสัก สีเข้ม เช่น สีดำ แดง ฟ้า เขียว สีน้ำเงิน
-
ผู้ที่ต้องการรักษาฝ้า กระลึก ปานดำ ปานน้ำตาล
-
ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง
-
ผู้ที่ต้องการลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว
-
ผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากคล้ำ
ขณะรับการรักษารู้สึกอย่างไร
จะรู้สึกอุ่นๆ และรู้สึกดีดๆ เล็กน้อยที่ผิวบริเวณที่มีความผิดปกติของเม็ดสี ถ้าหากทำการลดรอยสักต้องมีการใช้ยาชาเฉพาะที่และหลังเข้าการรักษาอาจมีการแสบร้อนที่ผิวบริเวณที่ทำการรักษาซึ่งจะค่อยๆบรรเทาลงภายใน 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง วิธีการดูแลผิวภายหลังการเข้าการรักษาด้วย HeliosII ผู้ที่เข้าการรักษาอาจจะรู้สึกว่าผิวบริเวณที่ทำการรักษาจะแห้งลงเล็กน้อย แนะนำให้ทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป อาจมีสะเก็ดเกิดขึ้นได้กรณีที่ทำการรักษาเพื่อรบรอยสัก ซึ่งสะเก็ดจะหลุดเร็วขึ้นถ้าทาครีมบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวในบริเวณที่ทำการรักษา
ผลลัพธ์หลังการรักษา
การรักษาความผิดปกติของเม็ดสีเมลานินใต้ผิวหนัง แบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ ความผิดปกติที่เกิดในชั้นผิวตื้น (Epidermal pigmented lesion) ชั้นลึก (Dermal pigmented lesion) และที่เกิดขึ้นผสมกันทั้งผิงชั้นตื้นและลึก (Mixed type) จำนวนครั้งของการรักษาขึ้นอยู่กับความเข้มและความลึกขอฃรอยโรคและขึ้นอยู่กับการดูแลผิวภายหลังการเข้าการรักษา
คำแนะนำหลังการรักษา
-
ถ้าหากทำการลบรอยสักต้องมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ และหลังเข้ารับการรักษาอาจมีอาการแสบร้อนผิวบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งจะค่อยๆ บรรเทาลงภายใน 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
-
ภายหลังการรักษาหากรู้สึกแสบร้อนที่ผิว ควรประคบเย็นไว้ก่อนจนอาการแสบร้อนบรรเทาลง
-
แนะนำให้ทาครีมบำรุงผิว มอยเจอร์ไรเซอร์ และครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่30 ขึ้นไป
-
แนะนำให้หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด
-
หากบริเวณที่ทำการรักษามีสะเก็ด ควรทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น จะช่วยให้สะเก็ดหลุดออกได้ง่ายและเร็วขึ้น และไม่ควรแกะหรือเกาบริเวณที่เป็นสะเก็ด